เล็บ สิ่งที่อยู่ทั้งบนมือและเท้าที่หลายคนมักไม่ใส่ใจ แต่ความจริงแล้วเล็บสามารถบอกโรคหรือภาวะสุขภาพบางอย่างได้ โดยความผิดปกติที่เกิดขึ้น เช่น เล็บเหลือง เล็บเป็นดอก เปราะแตกหักง่าย ลัหษณะเหล่านี้บ่งบอกถึงภาวะสุขภาพบางอย่างได้เช่นกัน ในบทความนี้จะพาไปดูกันว่าปัญหาของเล็บแบบไหนบอโรคอะไรได้บ้าง และการรักษาให้หาย
ปัญหาของเล็บ
ปัญหาเกี่ยวกับเล็บสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีภาวะสุขภาพบางอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง ผู้ป่วยที่ต้องล้างไต ซึ่งอาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับเล็บได้ง่ายกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมก็อาจนำไปสู่การเกิดอาการรุนแรงที่สามารถส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันได้ โดยปกติแล้ว เล็บที่สุขภาพดีจะมีสีสม่ำเสมอเท่ากัน รวมถึงมีลักษณะเรียบ ไม่มีจุด รอย หลุม หรือร่องเกิดขึ้น ส่วนเล็บที่ไม่แข็งแรงหรืออาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพบางอย่างอาจสังเกตได้จากลักษณะต่างๆ
ลักษณะของเล็บที่มีปัญหา
- เล็บเปลี่ยนสี
หากมีสีซีดจางลงหรือเปลี่ยนเป็นสีขาว อาจเป็นสัญญาณของการเป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โรคเกี่ยวกับตับ ภาวะขาดสารอาหาร หรือภาวะหัวใจล้มเหลว
รวมถึงการมีดอกเล็บ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นจุดหรือเส้นสีขาว อาจเกิดจากการบาดเจ็บเล็กน้อยบริเวณเล็บที่ไม่เป็นอันตราย หรืออาจเป็นสัญญาณของการเกิดภาวะขาดสารอาหาร การติดเชื้อ หรือเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิดก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ หากเล็บเปลี่ยนเป็นสีอื่นๆ ก็อาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ เช่น หากมีสีเหลืองอาจเกิดจากการติดเชื้อรา การเป็นโรคไทรอยด์อย่างรุนแรง โรคปอด โรคเบาหวาน หรือโรคสะเก็ดเงิน และหากมีสีน้ำเงินหรือสีม่วงคล้ำ อาจเกิดจากร่างกายมีปริมาณออกซิเจนต่ำซึ่งอาจเป็นผลมาจากโรคหรือปัญหาเกี่ยวกับปอด หัวใจ หรือการไหลเวียนของเลือด
- เล็บเปราะแตกหักง่าย
โดยปกติแล้ว การที่เล็บเปราะและแตกหักง่ายอาจเกิดจากปัจจัยทั่วไป เช่น การทำงานที่ต้องใช้มือมาก การล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะทำให้ขาดความชุ่มชื้น รวมถึงเมื่ออายุมากขึ้นเล็บอาจเปราะง่ายตามธรรมชาติ
แต่ในผู้ที่ไม่ได้มีปัจจัยดังกล่าว การที่เล็บมีลักษณะแห้งเปราะและแตกหักง่ายอาจเกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะทุพโภชนาการ การขาดธาตุเหล็ก โรคเรเนาด์ (Raynaud Disease) และภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ (Hypothyroidism)
- เล็บบุ๋ม
การที่เล็บมีลักษณะเป็นรอยบุ๋ม เป็นหลุม หรือเป็นรอยพรุนเล็กๆ โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังมีลักษณะแห้ง แดง และเกิดอาการระคายเคือง นอกจากนี้อาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติอื่นๆ ทางร่างกายได้ด้วย เช่น โรคข้ออักเสบรีแอคทีฟ (Reactive Arthritis) และโรคผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata)
- เล็บปุ้ม
เล็บปุ้มคือการที่ปลายนิ้วมือขยายใหญ่กว่าปกติทำให้มีลักษณะหนาขึ้นและมีรูปทรงโค้งงอไปตามปลายนิ้ว โดยมักจะใช้เวลาหลายปีกว่าจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์ มักเกิดจากการที่ร่างกายมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำเป็นเวลานานหลายปี ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับปอด โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคลำไส้อักเสบ และโรคเอดส์ด้วย
- เล็บเป็นคลื่น
เล็บเป็นคลื่นหรือการที่มีลักษณะเป็นเส้นหรือร่องเล็กๆ พาดตามแนวยาวหรือแนวขวางของเล็บคล้ายกับระลอกคลื่น มักพบในผู้ที่เป็นโรคสะเก็ดเงินหรือโรคไขข้ออักเสบในระยะเริ่มต้น และมักพบร่วมกับการที่ผิวหนังใต้เล็บเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงด้วย
- เล็บรูปทรงช้อน
หากเล็บมีลักษณะนิ่ม และมีรูปทรงโค้งเว้าหงายขึ้นคล้ายกับช้อน อาจเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หรือเป็นสัญญาณของการเกิดภาวะเหล็กเกิน (Hemochromatosis) นอกจากนี้ อาจพบได้ในผู้ที่มีภาวะฮอร์โมนไทรอยด์ต่ำ ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ โรคแพ้ภูมิตัวเอง และโรคเรเนาด์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ความผิดปกติที่เกิดขึ้นในบางกรณีอาจไม่ได้เป็นสัญญาณของโรคหรือภาวะสุขภาพอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกาย แต่เป็นปัญหาเกี่ยวกับเล็บโดยตรงที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาเช่นกัน
ปัญหาของจมูกเล็บ
ปัญหาของจมูกเล็บที่ได้บ่อยที่จุด คือ จมูกเล็บลอก (Hangnail) เป็นปัญหาผิวหนังเหนือโคนหรือขอบลอกเป็นเส้นแนวตั้งเข้าหาตัว สามารถเกิดขึ้นกับนิ้วใดก็ได้หรือเกิดพร้อมกันหลายนิ้วในเวลาเดียวกัน และอาการลอกของผิวหนังพบได้ตั้งแต่ 1 จุดและหลายๆ พร้อมกัน
บางครั้งจมูกเล็บก็อาจหมายถึงเศษผิวหนังที่เกินออกมาตรงซอกเล็บ ซึ่งอาการลอกทั้งสองแบบนี้ มักสร้างความรำคาญให้กับผู้ที่เป็น และหลายคนก็อาจเลือกที่จะดึงเศษจมูกเล็บออกจนทำให้แผลขนาดใหญ่ขึ้น เจ็บมากขึ้น มีเลือดออก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อมากขึ้น ทั้งบริเวณผิวหนังโคนและซอกเล็บ ซึ่งควรไปพบแพทย์และรักษาอย่างถูกต้อง แม้ปัญหาเกี่ยวกับจะจมูกเล็บจะพบได้น้อย แต่บางปัจจัยก็อาจส่งผลต่อสุขภาพได้ เช่น
- ผิวแห้งจากสาเหตุต่าง ๆ
- การสัมผัสกับอากาศเย็นจัดหรือร้อนจัด
- การสัมผัสกับสารเคมี อย่างน้ำยาล้างจานและผงซักฟอก
- มือเปียกหรือแช่น้ำนาน
- ล้างมือบ่อยเกินไปหรือใช้สบู่ที่มีฤทธิ์แรง
- พฤติกรรมแกะเล็บและพฤติกรรมดูดนิ้ว
- ขาดสารอาหารประเภทโปรตีน
- ตัดเล็บไม่ถูกวิธี
- ทำเล็บหรือตกแต่งมากเกินไป
เล็บแบบไหนควรไปพบแพทย์
ปัญหาเกี่ยวกับเล็บมีหลายรูปแบบ มีทั้งปัญหาทั่วไปที่อาจไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และปัญหาร้ายแรงที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ ดังนั้น หากมีลักษณะผิดปกติเหล่านี้เกิดขึ้นควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป
- มีการเปลี่ยนแปลงของสี รูปทรง และความหนาผิดปกติ
- พื้นผิวมีลักษณะผิดปกติ เช่น เป็นหลุม เป็นรู มีรอยคลื่น และไม่สม่ำเสมอ
- เล็บแยกออกมาจากผิวหนังบริเวณเล็บ
- ผิวหนังบริเวณขอบบวม แดง มีอาการเจ็บปวด มีหนองหรือมีเลือดออก
เนื่องจากเล็บอาจสามารถเป็นสัญญาณบอกโรคหรือปัญหาสุขภาพบางอย่างได้ การหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้นให้ติดเป็นนิสัยจึงเป็นเรื่องที่ดี เพราะถ้าหากความผิดปกติที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพร้ายแรงจะได้ไปพบแพทย์และรับการรักษา รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพอื่นๆ ได้ด้วย
สารอาหารบำรุงเล็บให้สวยสุขภาพดี
หากเล็บมีปัญหาสามารถเสริมสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงที่จะช่วยให้เล็บสวยสดใสได้ ดังนี้
- วิตามินบีช่วยให้สดใส
การรับประทานอาหารที่มีวิตามินบีจะช่วยให้เล็บที่มีปัญหาขุ่นมัวหายไปได้ เพราะวิตามินบีเป็นแหล่งสารอาหารที่ใช้ในการสร้างโฟเลตที่ช่วยบำรุงให้มีความสดใส และมีสีแดงอมชมพูมีสุขภาพดี ซึ่งแหล่งวิตามินบีที่ช่วยบำรุงเล็บ คือ ข้าวกล้อง ผักใบเขียวเข้ม ผักโขม ข้าวซ้อมมือ และพืชตระกูลถั่ว เป็นต้น - เคราตินช่วยให้แข็งแรง
ปัญหาเล็บหักขาดง่ายเป็นปัญหาที่สาวๆ หลายคนพบและสร้างความหงุดหงิดไม่น้อย เพราะหากเล็บไม่แข็งแรง เมื่อไว้ยาวแล้วจะมีการฉีกขาดไม่สวยงาม ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีเคราตินเข้าสู่ร่างกายจะช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ ทำให้สามารถไว้ยาวได้อย่างไม่มีปัญหา โดยอาหารที่ปริมาณเคราตินสูง เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา ไข่ไก่ ถั่ว นับว่าสามารถช่วยเพิ่มเคราตินได้เป็นอย่างดี - ธาตุเหล็กทำให้ผิวเรียบเนียน
การที่ผิวเล็บขรุขระอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญ แต่สำหรับสาวๆ แล้วทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายขาดสารธาตุเหล็ก ทำให้ไม่มีการสร้างเซลล์ขึ้นมาทดแทนเซลล์ที่ตายไป ดังนั้นการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กจะทำให้เล็บเรียบเนียนได้ เช่น ผักโขม เนื้อแดง เนื้อปลา เนื้อไก่ ไข่แดง เป็นต้น และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุเหล็กควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีควบคู่ไปด้วย - สังกะสีช่วยป้องกันออกดอก
การมีดอกเล็บหรือจุดขาว นอกจากไม่ทำให้แลดูไม่สวยงามแล้ว ยังบ่งบอกว่าขาดสังกะสีจึงทำให้มีจุดขาวเกิดขึ้น ดังนั้นเพื่อความสวยงามควรเลือกรับประทานอาหารที่มีสังกะสีเป็นองค์ประกอบ เช่น อาหารทะเล ถั่วฝัก กระเทียม พืชหัว และธัญพืชไม่ขัดขาว ซึ่งควรรับประทานเป็นประจำและรับประทานมากขึ้นในช่วงที่มีจุดขาวเกิดขึ้น จะช่วยลดป้องกันการเกิดดอกเล็บได้เป็นอย่างดี - กรดไขมันช่วยให้หนียว
การที่เล็บฉีกขาดหรือมีการลอกออกจากเนื้อเล็บ ทำให้เกิดบาดแผลกับเนื้อที่บริเวณเล็บสร้างความเจ็บปวด ซึ่งหากมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น ควรรับประทานอาหารประเภทกรดไขมันเข้าไปช่วยเพิ่มโปรตีน ทำให้มีความเหนียวและยืดหยุ่น ไม่ฉีกขาด ซึ่งอาหารที่มีปริมาณกรดไขมันสูง เช่น ปลาทูน่า น้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed Oil) อะโวคาโด และถั่วอัลมอนด์ เป็นต้น
สารอาหารที่ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง เพื่อบำรุงและป้องกันปัญหาต่างๆ ของเล็บอย่างได้ผล รับรองว่ารับประทานครบแล้วเล็บของคุณจะสวยสดใสน่ามองแน่นอน
เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ผมร่วง เพราะอะไร และรักษาได้อย่างไร
- แพ้ท้อง มีอาการและวิธีรักษาอย่างไร
- น้ำลายเหนียว มีสาเหตุ และการรักษาอย่างไร
- กล้ามเนื้ออักเสบ มีอาการและการรักษาอย่างไร
- ปากเบี้ยว มีสาเหตุมาจากอะไร และมีการรักษาอย่างไร
- หูอื้อ มีสาเหตุมาจากอะไร สามารถรักษาและป้องกันได้อย่างไร
ที่มาของบทความ
ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ kashwerwaterwell.com
สนับสนุนโดย ufabet369